nilnaraandjim

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอน ภาคเดินทาง

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2551

วันนี้พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิงค่ะ (สามปีมาแล้วค่ะ)
คุนหมิง Kunming เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวงของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1850 เมตร มีภูเขาล้อมรอบตัวเมือง 3 ด้าน ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเตียฉือ





ภูมิอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงได้ชื่อว่า เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ




บิน China Easturn Airline จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงท่าอากาศยานอูเจียป้า
เมืองคุนหมิง อุณหภูมิประมาณ 15 องศา แดดจัด ลมแรง เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ไม่ต้องปรับตัวกับเวลา เป็นสิ่งดีมากๆเลยค่ะ

พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ



ป้ายกำกับ:

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ปีใหม่นี้ตั้งใจพาแม่ไปไหว้พระอีกครั้งค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ปีใหม่นี้สุขภาพแม่เพิ่งเริ่มจะดีค่ะ แต่ไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ แม้แต่ทัวร์ในประเทศก็คงไม่ได้เพราะไปกับทัวร์ต้องเร่งรีบ นอนดึก ตื่นเช้าและกิจกรรมตลอดวันแม่ไม่ไหวค่ะ ต้องแบบไปกันเองเช้าไป เย็นกลับแวะพักและต้องไม่เหนื่อยนักและก็เป็นครั้งแรกหลังจากทุเลาจากอาการป่วยที่จะพาแม่ไปค่ะ ต้องลองดู น้องนัทมาบอกว่าอยากไปดรีมเวิลด์ค่ะ ( ไปตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักเบื่อบ้างเลย) โปรแกรมที่ตั้งไว้นะคะ
วันที่ 31 ป้าขอทำความสะอาดบ้านจัดของก่อนค่ะ
วันที่ 1 ไปวัดจีนที่จังหวัดนนทบุรีค่ะ
วันที่ 2 ไปสุพรรณบุรีค่ะ ตั้งใจไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานมังกรค่ะ
วันที่ 3 พาน้องนัทไปดรีมเวิลค่ะ
วันที่ 4 ขอพัก 1 วันทำความสะอาดบ้านค่ะ

โปรแกรมแบบนี้ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่านะคะ แล้วเดือนหน้าจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่าได้ไปตามโปรแกรมหรือไม่ ไปได้แค่ไหน ตั้งใจไว้ว่าพอแม่หายดีแล้วจะพาแม่ไปกำแพงเมืองจีนค่ะ จริงๆอยากพาไปจิ่วจ้ายโกวมากกว่าแต่ต้องตามใจแม่ค่ะ อยากไปไหนพาไปได้ค่ะ แม่ชอบเมืองจีนค่ะ จริงๆแล้วแม่ชอบทุกแห่งที่เป็นธรรมชาติแต่แม่เกรงใจลูกๆบอกว่าค่าทัวร์แพงมากเกินไปค่ะ พูดถึงเมืองจีน คราวหน้าจะเอารูปที่พาแม่ไปเที่ยว
คุนหมิงมาลงให้ดูนะคะ

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งนะคะ( หลายปีใหม่แล้ว)


สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ

วันจันทร์ 29 ธันวาคม 2551

ขอสวัสดีปีใหม่ ณ วันนี้เลยก็แล้วกันนะคะ อย่างที่บอกไว้ว่า หลานของป้า อยากให้จัดงานปีใหม่ที่บ้านโดยจัดเสาร์อาทิตย์ติดกันสามสัปดาห์เลยค่ะ เด็กๆสนุกแต่ผู้ใหญ่จะเหนื่อยมาก ไม่เป็นไรค่ะเพื่อหลานรักทั้งสอง ป้ายอมตาย





เริ่มต้นติดป้ายสวัสดีปีใหม่ คุณตาติดให้ค่ะ แต่เวลาเก็บคาดว่าจะเป็นคุณยายค่ะ



น้องนัทหลานรักเป็นผู้ริเริ่มจัดงานมีหน้าที่ช่วยเป่าลูกโป่งกับป้าค่ะ สองแรงแข็งขัน




ข้าพเจ้าคุณป้าแสนดีมีหน้าที่จ่ายเงินซื้อของต่างๆให้หลานๆสนุก


น้องกิ๊บหลานรักมีหน้าที่ป่วน ลูกโป่งที่เตรียมให้เด็กข้างบ้าน น้องกิ๊บชอบเลยต้องทำอันใหม่ให้ ให้ข้างบ้านนะคะอันที่ตั้งใจไว้น้องกิ๊บชอบมากถือไม่ปล่อยเลย ก็อันที่ถือในมือนั่นแหละค่ะ




ข้าพเจ้ามีหน้าที่ปีนค่ะ ปีนไปผูกเชือกและติดสายรุ้ง พร้อมลูกโป่งและสุดท้ายก็มีหน้าที่เก็บค่ะ ถ้าไม่เก็บปีหน้าก็ต้องเสียเงินอีกละค่ะ




อ้อ อีกหน้าที่นึงของน้องนัทคือ คิดเกมส์ค่ะ ใครจะเล่นเกมส์อะไรต้องเสียเงินนะคะเกมส์ละ 1 บาท รางวัลข้าพเจ้าเป็นผู้หาค่ะ





เด็ก 11 ขวบ เล่นกับน้อง 4 ขวบและป้าๆ น้าๆ แม่ ยาย ตา พ่อ อายุไม่ต่ำกว่า 45 ขวบค่ะ จะเล่นอะไรดีละคะ








เด็กเล็กขอนอนกลางวัน เด็กโตเรียนพิเศษ คุณยายนัดหมอไว้ กว่าจะได้เล่นก็ตอนเย็นละค่ะ






ตกเย็นเราก็มาเล่นกัน แต่เรื่องกิน กินกันทั้งวันอยู่แล้ว







นอนอิ่มแล้วก็มาสนุกกัน




ปิดท้ายหลานตัวเล็กจอมป่วน แต่ทุกคนก็ร๊าก ค่ะ

ป้ายกำกับ:

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ตอนจบทริป จิ่วจ้ายโกว

วันพฤหัสที่ 25 ธันวาคม 2551

หมีแพนด้า เป็นสัตว์สัญญลักษณ์ของประเทศจีน พบได้ในเขตป่าเขาทางภาคตะวันตกของมณฑลเสฉวน บริเวณที่ชอบอาศัยต้องเป็นป่าไผ่หนาทึบ มีอากาศหนาวเย็นและค่อนข้างชื้น
หมีแพนด้ามีนิสัยที่เรียกว่า สามจอมคือ
1. จอมกิน หมีแต่ละตัวจะกินไผ่ลูกศรถึงวันละ 14 ชั่วโมงในปริมาณ 20-38 กิโลกรัมต่อวัน
2. จอมนอน หลังจากการกินมันจะนอนบนกิ่งไม้สูงๆคราวละ 2-4 ชั่วโมง วันละหลายๆครั้ง
3. จอมถ่ายจากการที่มันกินไผ่ทั้งวันมันเลยถ่ายบ่อย






ด้านหน้าทางเข้าสวนสัตว์หมีแพนด้า






มีมุมสำหรับถ่ายรูปกับแพนด้าแสนสวย มีสะพานไม้ไผ่ทอดข้ามร่องน้ำที่ไม่มีน้ำ และยกสะพานยกออกไปฝั่งหมีได้เพื่อไม่ให้คนข้ามไป แต่ถ้าต้องการถ่ายรูปเจ้าหน้าที่จะยกสะพานพาดให้ข้ามไปใกล้ๆตัวหมี ค่าถ่ายรูปแพงมากกก





คุณอ้อ






ข้าพเจ้าเอง





แพนด้าแดง ( เพิ่งเคยรู้นะเนี่ย )





โชว์ทิเบต
คืนวันหนึ่งไปดูการแสดงโชว์ของชาวทิเบต




นักแสดงหญิงสาวชาวทิเบต ไกด์บอกเราว่า ชั่วชีวิตของชาวทิเบตจะอาบน้ำเพียง 3 ครั้งคือ
แรกเกิด แต่งงานและวันตาย เรายังไม่ได้คอนเฟิร์ม






นักแสดงหนุ่มชาวทิเบต





พิธีการเลือกคู่ของชาวทิเบต






การแสดงโชว์มาตรฐาน



การแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากาก


การแสดงสุดยอดมาก จ้องเท่าไรก็ไม่ทัน เคยดูมาก็ตั้งหลายครั้ง แต่กี่ครั้งๆก็ไม่รู้ว่าเขาสะบัดหน้าอย่างไร โชว์นี้เปลี่ยน 5 หน้า ที่เด่นสุดๆคือ สามารถเปลี่ยนกลับมาหน้าเดิมได้ด้วย



บางคนก็บอกว่า เขาใช้หน้ากากยางมีเอ็นยึดที่แขนและมือ เวลายกมือแสดงงิ้ว พร้อมเสียงอันดัง เราจะเพลินจนดูไม่ทัน เขาจะสะบัดมือพร้อมหน้าแป๊ปเดียวเปลี่ยนสีเปลี่ยนหน้าแล้ว


โชว์นี้เป็นโชว์แสดงเงาของมือ ภาพที่ถ่ายมาไม่ค่อยชัดเลยมีให้ดูภาพเดียว
เมืองซงพาน



มีอยู่วันหนึ่งเดินทางเลียบภูเขาและแนวหน้าผา วกไปวนมาเพื่อจะไปอุทยานแห่งชาติหวงหลง หิมะโปรยปราย สุดทางมองไม่เห็นถนนเลย มีรถทัวร์จอดอยู่หลายคัน รถของเราเลยต้องจอด เจ้าหน้าที่อุทยานมาบอกว่า ไม่สามารถขึ้นได้ หิมะปกคลุมไปหมด อันตราย เลยต้องวนรถกลับและมาเที่ยวที่
เมืองเก่าซงพานแทน ที่เห็นนี่เป็นรูปปั้นพ่อเมืองและแม่เมืองซงพาน




เมืองเล็กๆสงบๆ มีแม่น้ำเล็กๆไหลผ่านตัวเมือง อากาศหนาวเย็น






คุณอ้อเห็นเด็กแก้มแดงน่ารัก เลยขอถ่ายรูป เราเลยบอกว่าต้องถ่ายพ่อด้วยจะได้ครบ เหมือนจริงเลย





บริเวณทางเดินเข้าตัวเมืองจัดไว้สวยงาม


ยังมีอีกหลายแห่งบรรยายไม่หมด บางแห่งเช่นน้ำตกธารไข่มุก ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเนื่องจากไปช่วงบ่าย ภาพย้อนแสง มืดไปหมดเลยไม่ได้ลงภาพให้ดูกัน ไปทริปนี้สนุกมากค่ะ 8 วัน 7 คืน ชอบมากเมืองจีนเนี่ย
ถ้ามีโอกาสจะลงทริปยุโรปให้นะคะ ยุโรปแต่ละฤดูก็สวยงามมาก ญี่ปุ่นก็สวยทั้งช่วงซากุระบานและใบไม้เปลี่ยนสี ที่ไหนๆก็สวยไปหมดเลย รวมทั้งเมืองไทยเราด้วยสวยสุดๆ ขอจบจิ่วจ้ายโกวไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ป้ายกำกับ:

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หลวงพ่อโตเล่อซานและเขาง๊อไบ๊

หลวงพ่อโตเล่อซานและเขาง๊อไบ๊ Le Shan and E Mei Shan






นั่งกระเช้าขึ้นเขาง๊อไบ๊





เมื่อลงจากกระเช้า แล้วเดินขึ้นไปอีกวิวสองข้างทางสวยงาม อากาศเย็นสบายมีร้านขายของที่ระลึกเป็นระยะๆ






แล้วเราก็มาถึงทางเดินไปสู่พระภูเศียร ตำหนักเงินและตำหนักทอง ถ่ายจากด้านบนลงไป





ไปไหว้พระภูเศียร ด้านขวาเป็นเสารับสํญญาณ เป็นสิ่งเดียวที่ดูแปลกในท่ามกลาง





จุดชมวิวถ่ายจากตำหนักทอง


มองไปด้านหน้าผาจากตำหนักทอง จะมองเห็นเมฆลอยอยู่ท่ามกลางขุนเขา บางส่วนก็พัดผ่านตัวเราไป


พระภูเศียรถ่ายจากด้านหน้าของตำหนักทองลงมา





พระภูเศียรถ่ายจากทางเดินขึ้น





ด้านซ้ายคือตำหนักทอง






ทางเดินออกจากเขาง๊อไบ๊หลังจากนั่งกระเช้าลงมาแล้วระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
เดินสะดวก พื้นบันไดกว้างและเตี้ย




ขากลับหลังลงจากกระเช้าใครเดินไม่ไหว ก็มีเสลี่ยงบริการ แต่ของฟรีไม่มีในโลกนะคะ






ล่องเรือไปตามแม่น้ำไปไหว้หลวงพ่อโตเล่อซาน





คุณอ้อนั่งเรือไหว้พระใหญ่ซึ่งแกะสลักในภูเขาหิน บริเวณแนวพระบาทเป็นทางเดินมีบันไดเดินขึ้นไปไหว้พระด้านบน





มีทางไปได้สองทางคือทางเรือ โดยนั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำและจะจอดชั่วคราวด้านหน้าองค์พระและทางรถ มีทางเดินไปบริเวณพระบาทขององค์พระ แต่เราจะไม่เห็นทั้งองค์เนื่องจากองค์ใหญ่โตมาก แหงนคอตั้งบ่าแล้วก็มองไม่ได้ทั้งองค์





ถ่ายรูปบนเรือต้องมีคิวด้วยนะคะเพราะเรือไม่นิ่งและจอดไม่นาน บนเรือจะมีมุมที่จัดไว้สำหรับชาวจีนรับจ้างถ่ายรูปด้วยค่ะ

ป้ายกำกับ:

เขื่อนชลประทานตูเจียงเอี้ยน

เขื่อนตูเจียงเอี้ยน Du Jiang Yan




ก่อนจะเข้าไปสู่อาณาบริเวณเขื่อนตูเจียงเอี้ยนต้องเดินหลายลี้ ผ่านสถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับเขื่อน
แล้วจึงเดินทางมาถึงปากประตูสู่อาณาจักรของเขื่อน ดูยิ่งใหญ่มาก






หันหลังกลับไปมองหลังผ่านประตูสู่อาณาจักรจะเห็นภาพนี้ บริเวณศาลาที่เห็นเราต้องผ่าน คิดดูนะคะทางเดินวกไปวนมา เดินลง แล้วเดินขึ้นแล้วเดินลงเวียนไปมาแต่ก็คุ้มค่าค่ะ





คุณอ้อเพื่อนสมัยเรียนที่ไปด้วยกัน ยืนอยู่บนสะพานแขวนที่ทอดตัวข้ามไประหว่างแม่น้ำสายในและสายนอก น้ำไหลเชี่ยวกราก






แม่น้ำหมินเจียงไหลจากเทือกเขาหมินซานทางตอนเหนือ ในฤดูน้ำหลาก น้ำจะไหลเชี่ยวมาก พัดพาเอาตะกอนดินโคลนท่วมไร่นา บ้านเรือนของชาวบ้าน ดังนั้น พ่อลูกตระกูลหลี่ คือ หลี่ปิง Li Bing และ หลี่เอ้อหลาง Li Er Lang จึงได้สร้างเขื่อนโดยเจาะแยกภูเขาแบ่งสายน้ำเป็น 2 สาย นับเป็นเขื่อนแรกของโลกที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์





จุดแบ่งแม่น้ำออกเป็น 2 สายเรียกว่า ปากปลา (หวี่จุ่ย) แม่น้ำสายแรกเรียกว่าแม่น้ำสายใน ส่งน้ำไปเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูก แม่น้ำสายนอกมีการสร้างเขื่อนควบคุมปริมาณน้ำก่อนไหลสู่พื้นราบตอนล่าง
การคิดค้นวิธีเอาชนะธรรมชาติอันหฤโหดด้วยการสร้างเขื่อนกั้นน้ำและทำระบบชลประทานของตระกูลนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ 256 ปีก่อนคริสตกาล สมัยยุคเลียดก๊กของจีนทำให้ประชาชนชาวจีนยกย่องโดยการสร้างศาล เอ้อหวางเมี่ยว Er Wang Miao หรือศาลสองเทพเจ้าเพื่อสักการะบูชา ที่สำคัญเขื่อนนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมและยังคงใช้งานอยู่ทุกวันนี้





อุปกรณ์ที่ทำไว้สำหรับกั้นน้ำทำสันเขื่อนกักตะกอนดินทราย จัดแสดงให้ดูไว้เป็นตัวอย่าง




น้ำไหลเชี่ยวมาก ลมแรงทำให้สะพานแขวนแกว่ง นึกถึงบรรยากาศในสมัยโบราณแล้วเราต้องยอมรับว่า แต่ละยุคสมัย มีคนเก่ง คนดีที่ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจเพื่อพัฒนาประเทศ ขอบคุณทุกคนสำหรับสิ่งดีๆที่สร้างไว้ค่ะ เรามาช่วยกันสร้างสรรสิ่งดีงามทิ้งไว้ให้รุ่นต่อๆไปกันเถอะค่ะ

ป้ายกำกับ: