nilnaraandjim

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

ตรวจสุขภาพประจำปีค่ะ

สวัสดีค่ะ

ขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนาน เนื่องมาจากว่า สัปดาห์แรกไปตรวจสุขภาพมาค่ะ ได้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ สัปดาห์ที่สองต้องไปทัวร์ค่ะ สัปดาห์ที่สามต้องสะสางงานค่ะ ตอนนี้เริ่มเข้าที่แล้วค่ะเลยมีโอกาสมาเขียนค่ะ

สัปดาห์ก่อนเป็นวันเกิดน้องนัท น้องนัทได้ของขวัญจากทุกคนแล้ว ยกเว้นป้าค่ะ เลยมาชวนไปกินอาหารที่เด็กๆชอบ ก็ตกลงตามนั้นค่ะ หลังจากขออนุญาตพ่อและแม่เรียบร้อยแล้ว ป้า น้องนัท แม่ของน้องกิ๊บและน้องกิ๊บเราก็ไปทาน Bar BQ กันค่ะ น้องนัทกินหมูและข้าวผัดกระเทียม น้องกิ๊บกินอย่างละนิดละหน่อย เด็กเกินกว่าที่จะกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันค่ะ


หลังจากอิ่มแล้วเด็กๆก็เริ่มอยากได้ของเล่น น้องนัทไปดูอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ค่ะ น้องกิ๊บดูตุ๊กตาและก็เหมือนเดิมคือ ร้องทันทีถ้าไม่ได้อย่างที่ต้องการ ต้องทำสัญญากันว่า ชิ้นเดียวเท่านั้น แล้วเราก็กลับบ้านค่ะ

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

วันเด็ก

สวัสดีค่ะ

วันเด็กที่ผ่านมาตรงกับวันเสาร์ที่ 10 มกราคม 2552 หลานๆที่บ้านไม่ได้พูดถึงว่าอยากจะไปไหน น้องนัทคงโตไป น้องกิ๊บก็เล็กเกินไป กลางวันน้องนัทต้องเรียนพิเศษถึง 14.00 น.และน้องกิ๊บต้องนอนกลางวัน ดังนั้น มีเพียงช่วงเย็นเท่านั้นที่จะพาหลานๆไปงานวันเด็ก โดยต้องอธิบายให้หลานๆฟัง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้วัฒนธรรม ประเพณีไว้บ้าง ความทรงจำในวัยเด็กอยู่กับเรายาวนาน

สถานที่ต่างๆจะจัดงานกันช่วงเช้าตอนบ่ายๆก็เลิก ดังนั้นเมื่อเราเริ่มตอนเย็น ที่ๆจะพาไปได้คือ ที่เล่นสำหรับเด็กที่จัดไว้ตามห้างสรรพสินค้า แล้วเราก็พาไปเซ็นทรัลค่ะ ให้เด็กๆเล่นตามที่ต้องการ ต้องการของเด็กหรือของผู้ใหญ่ไม่แน่ใจ เล่นเสร็จก็พาไปทานอาหารบุปเฟ่ต์ ที่ทานอาหารบุปเฟ่ต์ก็เพื่อต้องการให้เด็กรู้จักช่วยตัวเอง รู้จักสังเกต รู้จักจัดการระบบการรับประทานด้วยตัวเอง รู้จักชนิดของอาหาร รู้จักเลือกที่จะรับประทานอาหาร ถ้าพวกเขาสงสัยเขาก็จะถาม ที่สำคัญเป็นการสอนเข้าสังคมด้วย เราต้องรู้จักการเข้าคิว การรอคอย มีวินัย ไม่แย่งกัน และตักแต่พอทานถ้าไม่พอตักเพิ่มได้

หลังจากรับประทานเสร็จ เราก็อนุญาตให้เขาเลือกซื้อของที่อยากได้ให้ 1 ชิ้น แต่ของนั้นเราต้องพิจารณาด้วยว่ามีสาระหรือไม่สำหรับน้องนัท และสำหรับน้องกิ๊บซึ่งเด็กมากชอบตู้หยอดเหรียญลูกอม ให้ได้ 1 ครั้งพร้อมอธิบายแต่คงไม่เข้าใจ ร้องไห้งอแงมากต้องค่อยๆสอนและใช้เวลา

กลับถึงบ้านมืดไปหน่อย แต่ก็ได้บอกพ่อและแม่ของหลานแล้ว สำหรับประสบการณ์ที่ดีๆทุกคนก็โอเคค่ะ ตั้งใจว่า วันมาฆะบูชาจะพาน้องนัทไปวัดอรุณราชวราราม เป็นวัดริมแม่น้ำที่สวยงามและมีประวัติอันยาวนานค่ะ บอกน้องนัทแล้ว ยังไม่ได้คำตอบ

สวัสดีอีกครั้งค่ะ พบกันครั้งหน้าตั้งใจจะลงรูปที่ไปเที่ยวสวิสให้ดูกันค่ะ

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอน ถ้ำจิ่วเชียง

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม 2552

สวัสดีค่ะ
วันนี้จะมาเล่าตอนต่อของ " พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอนถ้ำจิ่วเชียง " ค่ะ






ก่อนเข้าถ้ำจิ่วเชียงเราต้องเดินขึ้นเนินเขาเพื่อเข้าคิวรอลิฟท์ลงไปล่องเรือก่อนค่ะ








ล่องเรือในแม่น้ำ น้ำค่อนข้างสกปรก สีเขียวขุ่น มีเศษใบไม้ทั้งสดทั้งเก่าปนเน่าลอยอยู่ แต่ไม่พบเศษถุงพลาสติกนะคะ








มีชูชีพสำหรับทุกคนที่นั่งเรือค่ะ มีบางคนเคยมาแล้วบอกว่า ต้องนั่งเรือระยะทางไกลกว่านี้ ทำไมทริปนี้นั่งเรือช่วงสั้นๆ ข้าพเจ้าไม่เคยมาก็ไม่รู้ค่ะว่าจริงๆเป็นอย่างไร แต่คิดในใจก่อนที่จะมีผู้พูดอยู่แล้วว่า ลำบากลำบนมา ขึ้นเขาลงลิฟท์รอคิวนั่งเรือ แต่นั่งแป๊บเดียว วนกลับขึ้นฝั่งแล้ว







ลักษณะของแม่น้ำคล้ายธารน้ำระหว่างซอกเขาน่ะค่ะ คุณยายของน้องนัทนั่งหัวเรือถ่ายรูปค่ะ







หลังจากล่องเรือเสร็จเราก็เข้าถ้ำ ชื่อถ้ำจิ่วเชียง เป็นถ้ำที่มีความงดงามมาก
ในภาพเป็นบริเวณลานกว้างมากภายในถ้ำ เป็นบริเวณร้านค้า ขายของที่ระลึกค่ะ





มีจุดที่เป็นบริเวณการแสดงโชว์ชนเผ่าต่างๆด้วยค่ะ ภายในถ้ำ อากาศเย็นสบาย ไม่อึดอัดเลย






ทางเดินภายในถ้ำ สวยงาม ที่สำคัญ แข็งแรงมากๆ มีธารน้ำไหลภายในถ้ำด้วยค่ะ





คุณยายของน้องนัท ที่มุมหนึ่งภายในถ้ำค่ะ

ออกจากถ้ำ แล้วเราก็เดินมาขึ้นกระเช้าค่ะ กว่าจะได้ขึ้นกระเช้าก็ต้องเดินเป็นระยะทางไกลพอสมควรค่ะ


กระเช้าที่ขึ้น เป็นกระเช้าโปร่งคล้ายกับที่ลานสกี แต่ดูน่ากลัวกว่ากันมาก และข้ามระหว่างเขาสองลูก ระหว่างที่ข้ามเข้า ลมพัดแรงมาก กระเช้าแกว่งตลอด ข้าพเจ้ากลัวมาก หลับตาตลอด ยึดที่กั้นข้างหน้าไว้แน่นจนเจ็บมือไปหมด ส่วนคุณยายของน้องนัท นั่งถ่ายรูปอย่างมีความสุข และบอกว่าสวยมาก ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ถ้าเป็นเวลานี้อาจไม่กล้าขึ้นแล้วก็ได้

จบตอนถ้ำจิ่วเชียงเพียงเท่านี้นะคะ ตอนหน้าสุดท้ายค่ะ วัดหยวนทง สวยงามมากค่ะ

โปรดติดตามตอนจบวันพรุ่งนี้นะคะ คุนหมิงตอน 6 พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอนวันหยวนทง

ป้ายกำกับ:

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ ตอนหก

วันนี้เป็นตอนสุดท้ายของการไปไหว้พระปีใหม่นะคะ

วัดนี้คือ วัดเฉลิมพระเกียรติ อยู่จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดหลวง เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่สาม มาเสร็จสมบูรณ์ในสมัย รัชกาลที่สี่ค่ะ




เราเข้าทางสวนเฉลิมพระเกียรติ พบหมู่เรือนไทยสวยงาม
สวนเฉลิมพระเกียรติ เป็นสวนสาธารณะ กว้างใหญ่มากๆ


มีศาลากลางน้ำสวยงาม ถัดจากศาลานี้เป็นสถานที่ออกกำลังทั้งของเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ


จากนั้นก็มาถึงบริเวณอารามหลวง มีโบสถ์ทั้งของดั้งเดิมและของใหม่ ดูงดงามมาก



พระประธานในอุโบสถหลังที่หนึ่ง



พระประธานในอุโบสถหลังที่สองงดงามสุดบรรยาย
ไปไหว้พระครั้งนี้มีความสุขมากๆค่ะ
ขอจบพาแม่ไปไหว้พระปีใหม่แต่เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ ตอนห้า

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

ออกจากวัดเล่งเน่ยยี่เราก็ไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร อยู่บริเวณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรบุรีค่ะ
เราไม่รู้ว่าอยู่ในช่วงเวลาทำบุญ 9 วันค่ะ ต้องมีการจองล่วงหน้า เราไปถึงเวลาประมาณ 9.30 น.เข้าคิวซื้อบัตรเข้าชมงานค่ะ








ราคาตั๋วเด็ก 149 บาท ผู้ใหญ่ 299 บาทค่ะ เข้าเป็นรอบค่ะ รอบละ 1.30 ชั่วโมงค่ะ ระหว่างเข้าคิวซื้อบัตร คนคิวถัดจากข้าพเจ้าภรรยาเขาเดินมาบอกว่า ห้องขายบัตรติดป้ายว่า เต็มทุกรอบค่ะ
















ถ่ายจากรถที่ขับเข้าไปข้างในค่ะ ถนนเลนเดียวทำให้รถติดแบบว่าถ่ายรูปได้เลยค่ะ









ทางเข้าชมพิพิธภัณฑ์จะอยู่บริเวณ ใต้ลิ้นมังกรค่ะ เข้าเป็นรอบๆ เราอดเข้าเพราะเต็มเลยเดินเล่นรอบๆค่ะ สักพัก ได้ยินเสียประกาศว่า รอบ 10.00 น.เหลือ 10 ที่ต้องต่อคิว คิวยาวมากยังไงก็ซื้อไม่ทันค่ะและที่สำคัญตอนประกาศเป็นเวลา 10.15 น.แล้วค่ะ รอบ 11.00 น.เหลือ 2 ที่ รอบ 15.00 น.เหลือ 2 ที่


ตัดใจค่ะ ตัดใจ โอกาสหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน เขามีเบอร์โทรให้จองคิวด้วยนะคะ
ใครสนใจเชิญค่ะ

พรุ่งนี้สุดท้ายที่วัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรีค่ะ

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ ตอนสี่


วัดป่าเลไลก์ จังหวัดสุพรรณบุรี

ออกจากวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เราก็ขับรถออกเส้นตลิ่งชัน-สุพรรณ ไปจังหวัดสุพรรณบุรี จะไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธ์มังกร ปรากฏว่าทุกรอบเต็มหมด เลยได้แต่ถ่ายรูปไว้ คราวหน้าจะลงรูปให้ค่ะ ตอนนี้เราไปวัดป่าเลไลก์กันก่อนค่ะ







องค์พระในอุโบสถ วัดป่าเลไลก์ค่ะ คนแน่นมาก






ทางเดินรอบอุโบสถจะมีภาพวาดเล่าเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ค่ะ วาดสวยมากพร้อมคำบรรยายค่ะ เดินอ่านได้รอบเลยค่ะ สุดยอด







น้องนัทขี่เกวียน บริเวณทางเดินไปวังมัจฉาค่ะ


หน้าคุ้มขุนช้างค่ะ น้ำในสระด้านหน้าคุ้มแห้งเหือด บนคุ้มอากาศเย็น สบาย


คุ้มลักษณะเป็นเรือนไทย อากาศโปร่งน่าอยู่มาก อาคารด้านในเป็นหมู่พระพุทธรูปค่ะ
พรุ่งนี้จะพาไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธ์มังกรค่ะ

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ ตอนที่สาม

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ตอนสาม

วันนี้เป็นตอนสุดท้ายของวัดเล่งเน่ยยี่ค่ะ






องค์พระในวิหารที่ 1 สวยงามมาก น้องนัทแอบเยี่ยมมอง







เพดานวิหารมีโคมไฟ้ระย้าและลวดลายเขียนเต็มเพดาน มีมิติชัดเจน








องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ ในวิหารที่สอง







องค์พระในวิหารที่สาม
โปรดติดตามตอนต่อค่ะ


วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ ตอนต่อ

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ตอนสอง

ประตูทางเข้ามี 3 ชั้น ด้านนอกทางเข้าเป็นประตูที่ 1 เวลาจะเข้าประตูถัดไป ไม่ใช่ลักษณะของประตูแต่เป็นวิหารที่เราต้องขึ้นบันไดไปค่ะ วิหารมี 3 ชั้น ภายในวิหารจะมีพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ และองค์พระที่ข้าพเจ้าเองจำชื่อไม่ได้ค่ะ




คุณยายของน้องนัท หรืออีกนัยหนึ่งคือแม่ของข้าพเจ้าเอง ชอบผนังนี้มาก บอกว่าสวยจริงๆ



คุณตาของน้องนัท หรืออีกนัยพ่อของข้าพเจ้าเอง ยืนหน้าสิงห์ตัวผู้ หน้าวิหารวัดจีนจะมีสิงห์สองตัว ตัวผู้อยู่ทางซ้าย เท้าขวาเหยียบลูกแก้ว ตัวเมียอยู่ทางขวาเท้าซ้ายหยอกล้อกับลูกสิงห์ค่ะ สังเกตดูนะคะทุกวัดจะเป็นเช่นนี้



น้องนัทกับคุณยาย




คุณยายด้านหน้าวิหารแรก แต่ละวิหารต้องขึ้นบันไดไปสูง ทั้งหมด 3 ชั้น สำหรับชั้นที่ 2
มีลิฟท์สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการขึ้น - ลงชั้น 3 ค่ะ






ข้าพเจ้ากับน้องนัท





ลานด้านหลังบนวิหารชั้นสองค่ะ คุณยายกับน้องนัทยืนหน้ากระถางธูปค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อนะคะ

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ 2009 พาแม่ไปไหว้พระค่ะ

วันอังคาร 6 มกราคม 2552

ตามที่ได้บอกไว้แล้วว่าปีใหม่มีแพลนอะไรบ้าง อย่างแรกคือพัก 1วันไม่ได้พักหรอกค่ะ ทำความสะอาดบ้าน วันรุ่งขึ้นวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2552 ไปไหว้พระค่ะ เพียง 3 วัดเท่านั้น หมดเวลาค่ะ

วัดแรกที่ไปคือวัดจีนที่จังหวัดนนทบุรีค่ะ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีนที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีน โดยมีช่างชาวจีนมาออกแบบดูแลการก่อสร้างค่ะ สวยงามมากๆ

วัดเล่งเน่ยยี่ 2





ประตูด้านหน้าทางเข้าวัดค่ะ


เข้าประตูวัดไปแล้วแม่บอกว่าสวยมาก ไม่ต้องไปถึงเมืองจีนเลย







ด้านซ้ายและขวาเป็นสวนหย่อมค่ะ มีรูปปั้นเซียนอยู่ทั้งสองฝั่ง
มีโคมแขวนไว้สวยงามมากค่ะ
พาน้องนัทไปไหว้พระด้วยค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อนะคะ

พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอน ตำหนักทองจินเตี้ยน

ตำหนักทองจินเตี้ยน

ต้องขออภัยนะคะภาพไม่เรียงกัน เนื่องจากคอมตัวนี้ค่อนข้างสูงอายุค่ะและข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยชำนาญ ขอเวลาจะค่อยๆพัฒนาค่ะ

วันนี้จะพาไปเที่ยวตำหนักทองจินเตี้ยนค่ะ ก่อนจะเข้าตำหนักจะเป็นบริเวณพื้นที่ล้อมรอบด้วยรั้วปูน อาณาเขตกว้างขวางมาก ภายในมีต้นไม้มากมาย รถจอดในที่จัดไว้ นักท่องเที่ยวต้องเดินเป็นระยะทางไกลกว่าจะเข้าเขตตำหนักค่ะ

แต่ไม่ใช่เข้าเขตแล้วจะพบตำหนักเลยนะคะ ต้องผ่านประตูหลายชั้นตามธรรมเนียมวัดจีนค่ะ สุดท้ายจะเข้ามาในเขตสวนแล้วถึงพบ ตำหนักทองจินเตี้ยนค่ะ







นี่คือตำหนักทองจินเตี้ยนค่ะ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เป็นวัดในศาสนาเต๋า ในอดีต ตำหนักนี้เคยเป็นที่ัพักของ ขุนศึกนามว่า อู๋ซานกุ้ย และนางสนมเฉินหยวน ขุนศึกผู้นี้เป็นผู้เปิดประตูเมืองให้ชาวแมนจูเข้ายึดนครปักกิ่ง ตำนานบันทึกไว้ว่าเป็นขุนศึกผู้ขายชาติ





ตำหนักทองแห่งนี้เป็นตำหนักเดียวที่มีฝาผนังและหลังคาสร้างด้วยทองเหลืองสัมฤทธิ์ ใช้ทองเหลืองทั้งหมด 380 ตัน





สัญญลักษณ์ของศาสนาสถานจีนจะมีประตูทางเข้าเป็นชั้นๆ ประตูนี้ชั้นในค่ะ





บริเวณพื้นที่ภายในค่ะ ประดับประดาด้วยศิลปวัตถุ มีประวัติเขียนไว้บนแผ่นหินทุกที่เลยค่ะ แฮะๆ อ่านไม่ออก รู้แต่ว่าเป็นเต่าแสดงถึงการมีอายุยืนนาน เขาให้มาสัมผัสพร้อมอธิษฐานค่ะ





ต้นไม้จักกะจี้ค่ะ ใครไปสัมผัสบริเวณโคนของลำต้นมันจะแสดงอาการจักกะจี้โดยสั่นไปทั้งลำต้นเลยค่ะ ลองไปจับดูเป็นจริงๆค่ะ แต่อาการนี้ไม่รู้ว่ามันกำลังจักกะจี้จริงๆหรือเปล่า




ประตูแบบนี้ หมุดทองเหลืองบนประตูจะเป็นตัวบอกตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ของผู้เป็นเจ้าของค่ะ







ทางเดินขึ้นก่อนจะเข้าประตูที่สองค่ะ เข้าแต่ละประตูเหมือนขึ้นขุนเขาเลยค่ะ




และแล้วก็มาถึงประตูแรกค่ะ ประตูนี้เป็นประตูแรกที่เราเข้าเขตตำหนักหลังจากเดินระยะทางไกลจากที่จอดรถค่ะ การท่องเที่ยวจีนเขาจะจัดทางเดินเข้าและทางออกคนละทางนะคะ ถ้าใครคิดว่าเดินไม่ไหวจะรอระหว่างทางนี่ไม่ได้เลยนะคะเพราะเวลาเดินเที่ยวจะไม่ย้อนกลับมาทางเดิมเลยค่ะ เราจะเดินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายทางออกค่ะ ปลายทางออกเหมือนกันทุกที่คือจะมีร้านค้าของที่ระลึกไว้ให้นักท่องเที่ยวซื้อติดไม้ติดมือกลับไปค่ะ

ป้ายกำกับ:

พาแม่ไปเที่ยวคุนหมิง ตอน อุทยานป่าหิน

วันอังคาร 6 มกราคม 2551

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่จัดลำดับไม่ค่อยได้ดีนัก
วันนี้จะพาไปอุทยานป่าหินค่ะ





ทางเข้าอุทยานป่าหินมีแผนที่บอกค่ะ ว่าเราจะไปทางไหน จุดแวะชมหินรูปร่างแปลกๆ อยู่บริเวณใด จุดไหนที่เป็นไฮไลท์ค่ะ





อุทยานป่าหินมีพื้นที่ประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร หินนี้มีมาแต่โบราณหลายร้อยล้านปี เป็นป่าหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก





สมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผิวน้ำทะเล ความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติทำให้เปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น กลายเป็นป่าหินที่ผุดเหนือพื้นดิน





ป่าหินบริเวณนี้มีสองแห่งคือ ซือหลิน และ ไหน่กู่ซือหลิน






การกัดเซาะของสายฝนทำให้หินมีรูปร่างแตกต่างกันไป และก็เกิดตำนานเล่าขานถึงที่มาของรูปร่างหิน ให้เราได้ทึ่งอีก หินทุกก้อนที่มีรูปร่างแปลกมีประวัติเล่าขานเป็นเรื่องราวได้หมด







ไฮไลท์จุดหนึ่งของป่าหิน






ศาลาที่เห็นเป็นจุดชมวิว ใครมาเที่ยวป่าหินต้องเดินมาให้ถึงศาลานี้และต้องขึ้นไปบนศาลาด้วนนะคะ
จบตอน 4 ป่าหินค่ะ






ป้ายกำกับ: